เราได้เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาใน Path of Exile: Harvest ซึ่งเธอก็คือโอชาบิผู้ดูแลสวนศักดิ์สิทธิ์ และในวันนี้เราจะมาพูดถึงเบื้องหลังการสร้างตัวละครของเธอและตำแหน่งในเนื้อเรื่องของเธอภายในโลกของ Path of Exile

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงต้นตอการมาของโอชาบิ ขอบอกไว้ก่อนว่าเนื้อหาต่อไปนี้มีการสปอย เพราะเราจะพูดถึงเนื้อเรื่องหลักบางข้อ!

ในตอนที่เรากำลังพัฒนาลีกอยู่และต้องการตัวละครใหม่นั้นบ่อยครั้งที่งานศิลปะจะมาก่อนเพื่อน กับโอชาบินี้ก็เช่นกัน เรามักจะสร้างคอนเซ็ปอาร์ตของตัวละครที่อาจจะถูกนำไปใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ได้ ถ้าคอนเซ็ปของตัวละครใดฟังดูเข้ากันกับลีกเราก็จะเริ่มสร้างโมเดลจากนั้นเขียนเนื้อเรื่องของตัวละครนั้น และในกรณีของโอชาบินั้นงานอาร์ตของเธอมาจากคอนเซ็ปอาร์ตที่เราสร้างขึ้นคิดว่าจะนำไปทำเป็นเอฟเฟคสิงสร้อย


ในระหว่างที่เขียนบทเบื้องหลังตัวละครโอชาบิอยู่นั้น เราก็มีบทมากมายหลายรูปแบบให้เธอได้รับบทเป็น และได้ทดสอบว่าในเชิงกลไกการทำงานของเกมนั้นบทของเธอจะเข้ากันกับเนื้อเรื่องของ Harvest หรือไม่ ในช่วงแรกของการพัฒนาเธอเป็นเผ่ากินมนุษย์ที่มี “จรรยาบรรณ” เธอจึงต้องการปลูกมอนสเตอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นสิ่งทดแทนการกินเนื้อมนุษย์ โดยมีไอเดียว่าให้มอนสเตอร์ Harvest มีรสชาติที่อร่อยจนกินแล้วติดไม่สามารถกินอย่างอื่นได้อีกเลย และให้มีคำเตือนมากมายบอกผู้เล่นว่าอย่าได้ลองเป็นอันขาด จนถึงตอนนี้เราก็ยังชอบไอเดียเผ่ากินมนุษย์ที่มี “จรรยาบรรณ” และจะพยายามนำไอเดียนี้กลับมาในอีกสักลีกดู! บางทีสักวันมันอาจจะเกิดขึ้น...

คนที่ไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์เนื้อเรื่องของ Harvest จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับคนที่ยังไปไม่ถึงเราขอเตือนว่าด้านล่างนี้คือสปอยเลอร์ เราเตือนคุณแล้ว!

โอชาบิผู้คุมสวนศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ดูแลสวนที่ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ของ Harvest เกิดขึ้น เธอบอกว่าเธอได้ยินเสียงของสวน ซึ่งเป็นพรเดิมที่เธอสูญเสียไปนานมาแล้ว เธอจึงใช้ส่วนนี้ในการเพราะปลูกเพื่อเก็บพลังที่เธอเรียกว่าพลังแห่งชีวิต แต่ปัญหาก็คือพลังแห่งชีวิตนี้อาจมีชื่ออื่นว่ามลทินก็ได้

แต่ละลีกที่เราเพิ่มเข้ามาเราจะต้องเพิ่มความสลับซับซ้อนขึ้นแม้แต่กับเนื้อเรื่องด้วย ตอนนี้เรามีพลังลึกลับหลายอย่างใน Path of Exile -- มลทิน, พลังเทพ, พลังลึกลับแปรผันที่น่าค้นหาภายในสมุดแผนที่ ฯลฯ... การทำให้พวกมันมีความแตกต่างกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะแม้ว่าพูดเล่นจะสามารถแยกแยะพลังเหล่านี้ออกจากกันได้ แต่ในมุมมองของตัวละครที่มีมุมมองแคบกว่ามากนั้น การนำพลังแห่งชีวิตมาเชื่อมโยงกับมลทินถือเป็นการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้เป็นการสร้างพลังลึกลับเพิ่ม แล้วยังสามารถเข้ากันได้กับความสามารถเดิมที่มลทินสามารถทำได้ด้วยนั่นก็คือ: สร้างมอนสเตอร์กลายพันธุ์, เปลี่ยนแปลงไอเทมและผู้คน, และดึงดูดผู้คนสู่ความชิบหาย

ทุกวันนี้คุณสามารถเดาได้ง่ายว่าทุกลีกจะต้องมีการเผชิญหน้าที่เป็นจุดสูงสุดของเนื้อเรื่อง -- ซึ่งเป็นสิ่งที่มีไว้ให้ผู้เล่นสามารถตั้งเป็นเป้าหมายประจำลีกได้ และจะมอบไอเทมที่มีค่าที่สุดของลีกเป็นรางวัลตอบแทน ผมจำไม่ได้ว่าตัดสินใจให้โอชาบิเป็นบอสสุดท้ายในตอนไหน แต่ผมจำช่วงเวลาอันยาวนานที่เราหาวิธีเปลี่ยน NPC ให้กลายเป็นตัวร้ายได้แม่น

เอาล่ะ ยังไงเราก็เคยทำมาแล้วหนึ่งลีก (Synthesis!) ซึ่งในตอนนั้นเราทำได้ด้วยการย้ายจุดสนใจหลักจากคาวาสไปหาซานะแทน แต่รอบนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้ เราจึงต้องทำให้แน่ใจว่าสิ่งสำคัญต่อการใช้งานกลไกของลีกที่โอชาบิมีให้จะต้องถูกมอบให้กับผู้เล่นครบทั้งหมดก่อน ก่อนที่เธอจะกลายเป็นการเผชิญหน้าท้ายเกมได้ และเราตัดสินใจว่าเมื่อผู้เล่นไปถึงจุดนั้นเธอจะหายไป ไม่ใช่แค่ชั่วคราว แต่หายไปตลอดกาล

ใน Synthesis คาวาสถูกออกแบบมาให้เป็นตัวร้ายแต่แรก เราอยากให้คุณรู้สึกว่าถูกทรยศและอยากให้คุณเข้าใจมัน แต่ถึงอย่างนั้นคาวาสเองก็มีเหตุผลของเขาแม้ว่าเหตุผลของเขาจะไม่เป็นธรรมก็ตาม แต่กับโอชาบินั้นเราอยากให้คุณรู้สึกสงสาร แม้ว่าเธอจะเคยทำสิ่งที่ดูไร้จริยธรรมไปในอดีต แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นเพียงเหยื่อของการล่อลวงและมลทิน เธอถูกหลอก ถูกล่อลวงจากเสียงอันไพเราะของมลทิน จึงต้องทนทุกข์ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์

บทนำของเธอได้กล่าวถึงกรณีที่หากเธอตาย เธอหวังว่าแผ่นดินจะยอมให้เธอตายตาหลับ แต่โชคไม่ดีที่ไม่มีอะไรตายในเวร์แคลส์ทแล้วหลับได้นาน
โพสต์โดย 
เมื่อ
Grinding Gear Games

รายงานโพสต์

รายงานบัญชี:

ประเภทรายงาน

ข้อมูลเพิ่มเติม