แมตต์ นักออกแบบการเล่าเรื่องระดับอาวุโสของเราสละเวลามามองย้อนไปถึงการเขียนให้กับบททดสอบแห่งบรรพชนค่ะ เขาแสดงความเห็นไว้ตามนี้นะคะ
อา 3.22 ลีกบททดสอบแห่งบรรพชน งานนี้มันไม่เหมือนงานไหนเลยละ ขอบอกเลย เราไม่เคยทะเยอทะยานไปกับการเล่าเรื่องมาขนาดนี้ตั้งแต่องค์กรทรยศ ซึ่งเป็นลีกแรกที่ผมเคยเขียนให้มาก่อน จากนั้นก็ตามด้วยโจรกรรม ผมจำได้ว่าสองลีกนั้นมีตัวละคร 18 และ 13 คนนักเขียนสองคนแบ่งกันเขียน ขณะที่บททดสอบแห่งบรรพชนมีตัวละคร 12 คนที่ผมต้องจัดการด้วยตัวเองเท่านั้น… กับทีมงานฝ่ายเสียงที่น่าสงสาร งานนี้มันเป็นเรื่องท้าทายไม่เหมือนใคร เพราะเราต้องอัดเสียงตัวละครหลายต่อหลายตัวสำหรับเดโม่ของ Path of Exile 2 และ Path of Exile Mobile แล้วยังต้องอัดเสียงตัวละครในลีกนี้อีก บางวันเราต้องอัดเสียงสองครั้ง หรือกระทั่งสามครั้ง แต่ละครั้งก็เปลี่ยนนักพากย์ที่อัดเสียงกันไป ตัวละครสุดท้ายในลีกนี้ ฮิเนโครา ถูกอัดเสียงในวันอังคารก่อนที่จะเปิดลีก ตัดต่อแก้ไขในวันพุธ แล้วนำเข้ามาในเกมอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ระบบบทสนทนาทั้งหมดถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในสัปดาห์สุดท้ายด้วยฝีมือของนิโคลัส โปรแกรมเมอร์ผู้กล้าหาญ ปกติช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดลีกจะเป็นช่วงที่ผมพักผ่อน แล้วดูคนอื่นๆ แตกตื่น แต่คราวนี้ปริมาณงานเพิ่มเติมจากงาน ExileCon ทำให้ผมต้องทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย… ที่บอกว่าทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย คือผมต้องขึ้นเครื่องในคืนวันพฤหัส แล้วผมส่ง Commit สุดท้ายตอน 19:20 น. ซึ่งเป็นนาทีสุดท้ายก่อนที่ผมจะต้องออกไปขึ้นเครื่องให้ทันตอนสองทุ่มจริงๆ ผมทุ่มเทขั้นนี้เพื่อให้เอ็กไซล์ผู้ขยันขันแข็งอย่างคุณได้รับเนื้อเรื่องชิ้นเลิศ แถมเรายังวางแผนได้ดีสุดๆ เพื่อให้เข้ากับเวลาที่แบ่งกันเอาไว้ โชคดีที่ลีกนี้มีคอนเซปต์ที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น และยังมีเวลาทำงานพอสมควร ตอนแรกๆ ผมได้รับคำอธิบายของระบบเกมและภาพนี้ รวมถึงรายชื่อที่มีชื่อและเผ่าต่างๆ จากที่เราคุยกันไว้ ผมก็เหมือนกับผู้เล่นที่ช่างสังเกตคนอื่นๆ ที่เห็นทันทีว่ามีสถาปนิกวาล์ที่มีชื่อว่าอะฮัวนาอยู่แล้ว แต่เราตัดสินใจที่จะใช้ชื่อนี้ต่อไป เพราะว่าชื่อคารุยนั้นอ่านว่า ‘อะฮัวนา’ ขณะที่ชื่อวาล์นั้นอ่านว่า ‘อะฮัวนา’ เห็นไหม ไม่เหมือนกันเลยสักนิด อีกอย่าง ผมว่าผมพูดเรื่องนี้ได้ตรงๆ มั้ง การ์ตูน Path of Exile แสดงฉากที่คอมม์สังหารผู้ชายที่ชื่อว่าอะคาโย นั่นไม่ใช่อะโคยา มันไม่ใช่การเปลี่ยนเนื้อเรื่องเลย พวกเขาแค่มีชื่อคล้ายกัน โดนคอมม์ตัดหัวไปทั้งคู่ เขาชอบตัดหัวหลายต่อหลายคนน่ะ… แต่ว่าอะโคยานั้นคือผู้ทำลายโซ่ที่มีชื่ออยู่ในจิวเวลเหนือกาลเวลาแน่ๆ ตอนแรกเราอยากให้แต่ละเผ่าเต้นฮากาก่อนที่จะทำการต่อสู้ คุณน่าจะเคยพบเห็นการเต้นนี้มาก่อนหากคุณได้ดูรักบี้ในนิวซีแลนด์ แต่การเสียค่าใช้จ่ายไปกับอนิเมชั่นและการอัดเสียงให้กับสิ่งที่ผู้เล่น 99% จะกดข้ามมันก็ไม่คุ้มเลย แต่มันคงเจ๋งสุดๆ เลยแหละถ้ามีการเต้นฮากาน่ะ คอมม์กับอูทูล่าไม่ได้เป็นหัวหน้าเผ่านามาฮูและคิทาวาในทันที เราพูดกันเรื่องนั้น ตั้งคำถามกันว่าเราจะใช้ตัวละครจากเนื้อเรื่่องหลักได้หรือเปล่า ผมโหวตไปว่า ‘ใช้ได้’ ไปแน่ๆ แล้วท้ายที่สุดสองคนนี้ก็เหมาะกับลีกนี้จริงๆ เราตั้งใจขยายเนื้อเรื่องและปลูกฝังวัฒนธรรมคารุยไปในตัว เกมนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้มานานมาก และมันคงจะไม่สมบูรณ์นักหากไม่มีตัวพ่อสองคนนี้อยู่ พอผมสร้างแผนผังความสัมพันธ์ระหว่างเผ่า อูทูล่าก็เด่นออกมาเลย: แผนผังนี้มีไว้กำหนดความชื่นชอบและคู่อริ แต่ดีไซน์นี้ถูกปรับเปลี่ยนในภายหลังให้ความชื่นชอบที่เป็นของรางวัลที่ไม่มีแบบแผนยิ่งขึ้น ผมเก็บแผนผังนี้ไว้ใช้เป็นทัศนคติส่วนตัวของตัวละครเหล่านี้ เพราะการคิดทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปตามทุกความเป็นไปได้ย่อมเพิ่มจำนวนงานเป็นทวีคูณ แถมให้ความรู้สึกสับสนอีกด้วย พอผมได้เห็นแถวแนวนอนของอูทูล่าว่าแทบจะไม่ชอบใครเลย บุคลิกภาพของแต่ละคนก็เริ่มเด่นชัด เมื่อเริ่มคิดเหตุผลระหว่างความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ และเมื่อครุ่นคิดตัวละครของอูทูล่าในโอริอาท (ผมยอมรับด้วยความอับอายว่าผมเป็นผู้เล่นสายแว้นที่ไม่อ่านบทสนทนา) ทัศนคติของเขามันชัดเจนจนเหมือนได้เห็นคนตัวเป็นๆ ต้องมาทรมานในงานเลี้ยงที่ไม่อยากจะมาแต่แรก ผมทึ่งที่นึกขึ้นได้ว่าอูทูล่าย่อมไม่ชอบโถงแห่งผู้วายชนม์แม้แต่น้อย จากจุดเริ่มต้นตรงนั้น ผมเปลี่ยนความคาดหวังต่อการให้ความรู้สึกของลีกนี้ไปโดยสิ้นเชิง แทนที่ลีกนี้จะเป็นวัฒนธรรมนักรบที่เข้มงวดแข็งขันไม่เปลี่ยนแปลง ตัวละครกลับกระจายออกมาเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบที่มีสีสันแตกต่างกันไปตามประวัติศาสตร์หลายพันปีและประสบการณ์ส่วนตัว วัฒนธรรมคารุยในเวร์แคลส์ทที่เราล่วงรู้นั้นมาจากคนกลุ่มเดียวในช่วงเวลาเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือคอมม์และการรุกรานเวร์แคลส์ทของเขา รวมไปถึงสิ่งที่เทมพลาร์กระทำต่อคารุยที่เป็นทาส คอมม์และอูทูล่าเป็นคนปิดฉากยุคนั้น ผมว่าเราได้ดูเรื่องนั้นมามากพอแล้ว คารุยไม่ได้มีเพียงธีมเดียวเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้ผมมีโอกาสอย่างใหญ่หลวงในการขยายเนื้อเรื่องไปยังอดีต มีโอกาสเจาะลึกว่ามันจะเป็นยังไงถ้าวิญญาณบรรพชนของคุณยังอยู่ให้คำปรึกษา ตัวละครแต่ละคนมีบทอยู่ประมาณสิบหน้า ส่วนใหญ่ก็เป็นบทสนทนาในการต่อสู้ แล้วผมต้องคอยกลั่นกรองบทสนทนาระหว่างตัวละครให้เหลือเพียงสาระสำคัญที่แท้จริงของโถงแห่งผู้วายชนม์ หากคุณไม่เคยดูบทละคร ‘ไร้ทางออก’ (No Exit) ของฌ็อง-ปอล ซาทร์ ผมแนะนำให้ไปดูจริงๆ บทละครนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจอีกด้วย โดยเฉพาะวลีที่ว่า ‘นรกคือ… คนอื่น!’ กลุ่มหัวหน้าเผ่าคารุยของเราต้องอยู่ร่วมกันไปชั่วกัปชั่วกัลป์ พวกเขายังคิดไม่ตรงกันเสียด้วยซ้ำว่ามันจะใช้เวลานานเท่าไร มันมีทั้งความรักความอบอุ่น ความเมตตา ความเข้าอกเข้าใจ แต่ก็มีความรู้สึกเจ็บปวด ความหวาดหวั่นลับๆ และมีความกังวลใจแฝงอยู่ ความกังวลใจที่มีเพียงอูทูล่าเท่านั้นที่กล้าพูดออกมาตรงๆ โถงแห่งผู้วายชนม์นั้นควรเป็นสิ่งที่ดี แต่เขาพูดถูกว่าไม่มีใครให้ความยินยอมในการอยู่ที่นี่แต่แรก… และถ้าคุณตั้งใจฟังสิ่งที่ฮิเนโคราบอก เธออาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจตนาของเธอไม่ได้เห็นแก่ผู้อื่นโดยสมบูรณ์ แต่ว่ากันไปแล้ว ผมสนุกที่ได้เขียนเรื่องทั้งหมดนี้นะ มันดีเลิศจริงๆ ที่ได้ร่วมงานกับนักพากย์ทุกคน แถมในตอนท้ายผมก็ดีใจมากๆ ที่เรื่องทั้งหมดลงเอยแบบนี้ แล้วเรายังได้ใช้ระบบบทสนทนาโจรกรรมตอนที่หัวหน้าเผ่าพูดคุยกันยามว่างอีกด้วย มันถูกใช้แบบเรียบง่ายสุดๆ แต่ผมก็อยากใช้ระบบนั้นมาพักใหญ่ๆ ทั้งนี้ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ขยายความสิ่งต่างๆ บทสนทนาหลายอย่างของหัวหน้าเผ่าเหล่านี้อยู่นะ ผมสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการเขียนคำทำนายของฮิเนโคราจริงๆ ทางผมตั้งตารอดูสมมติฐานเหลือเชื่อของพวกคุณอยู่นะว่าจะมีอะไรตามมา… หรือมีอะไรเกิดขึ้นไปแล้ว พอเป็นเธอแล้ว คุณไม่มีทางรู้ได้เลยจริงๆ! |
|